ไซเดอร์(Cider)
เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพชนิดหนึ่งที่ได้จากกระบวนการหมัก (fermentation)
จากธัญพืชหรือผลไม้ด้วยเชื้อจุลินทรีย์ที่สร้างกรดอะชิติกที่มีความเปรี้ยวเหมือนกับน้ำส้มสายชู
(vinegar) เช่น แอปเปิ้ล องุ่น สัปปะรด หรือ ข้าว เป็นต้น ซึ่งกรกอะชิติกนี้จะมีความเป็นกรดอ่อนๆ
มีรสชาติเปรี้ยวจะช่วยทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ดี
ลดปริมาณน้ำกาลกลโคสในกระแสเลือด ลดคอเลสตอรอล ลดความดันโลหัตสูง
และลดความเสี่ยงการเกิดเซลล์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ได้ดี
ไรซ์ไซเดอร์ข้าวเหนียวลืมผัว (Leum Pua
Glutinous Rice Cider)
ไรซ์ไซเดอร์ข้าวเหนียวลืมผัว เป็นเครื่องดื่มไซเดอร์ที่ผลิตจากข้าวเหนียวดำพันธ์ลืมผัว
โดยผ่านการะบวนการหมักข้าวทำให้เกิดกรดอะชิติก
ซึ่งจะมีรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อยแตกต่างจากน้ำส้มสายชูที่เป็นเครื่องปรุงอาหาร
ประโยชน์ของไรซ์ไซเดอร์
1.
ช่วยละลายไขมันในลำไส้ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้
2.
ลดคอเลสตอรอลในเลือด
3.
ช่วยในการทำงานของระบบขับถ่ายคุณค่าทางโภชนาการ
1.
ให้พลังงาน 65.08
กิโลแคลอรี่ต่อ 100 ml
2.
มีคาร์โบไฮเดรต 15.16
กรัมต่อ
100 ml
3.
มีไขมัน
0.16 กรัมต่อ 100 ml
4.
มีฟอสฟอรัส (P) 34.07 มิลลิกรัมต่อ 100 ml
5.
มีวิตามินซี 0.26 มิลลิกรัมต่อ 100 ml
6.
มีแคลเซี่ยม (Ca) 6.72 มิลลิกรัมต่อ
100 ml
7.
มีแมกนิเซียม (Ma) 19.35 มิลลิกรัมต่อ
100 ml
8.
มีโปตัสเซี่ยม (K) 29.00 มิลลิกรัมต่อ
100 ml
9.
มีเหล็ก (Fe) 0.19 มิลลิกรัมต่อ
100 ml
10. มีสังกะสี (Zn) 0.59
มิลลิกรัมต่อ 100 ml
ส่วนประกอบโดยประมาณ
1.
น้ำไซเดอร์
ร้อยละ 87 โดยปริมาตร
2.
น้ำผึ้ง ร้อยละ
13 โดยปริมาตร
ขึ้นตอนการผลิต
1.
นำข้าวเหนียวดำพันธ์ลืมผัวมาล้างทำความสะอาด
2.
แช่ในน้ำสะอาดประมาณ 6 ชั่วโมง
3.
จากนั้นทำการนึ่งข้าวให้สุก
4.
ผึ่งข้าวให้เย็นก่อนนำไปล้างเมือกข้าวออกพร้อมสลัดน้ำให้แห้งหมาดๆ
5.
ทำการคลุกข้าวด้วยลูกแป้งข้าวหมากพร้อมกับหมักข้าว
6.
เติมน้ำเมื่อหมักข้าวไปแล้ว 3 วัน ในอัตราข้าว 1
กิโลกรัม ต่อน้ำ 2 ลิตร
7.
ทำการถ่ายน้ำออกเมื่อเติมน้ำไปแล้ว 4 วัน
ก็จะได้น้ำลำ
8.
จากนั้นทำการหมักต่อไปอีกประมาณ 10-15
วันก็จะได้น้ำไซเดอร์
9.
นำน้ำไซเดอร์มาผสมกับน้ำผึ้งในอัตราส่วนร้อยละ 87:13
โดยปริมาตร
10. ทำการฆ่าเชื้อด้วยวิธีพาสเจอร์ไรส์ที่อุณหภูมิ 70
องศา นาน 5 นาที จากนั้น ลด อุณหภูมิที่ 5 องศาเซลเซียส ภายในเวลา 5 นาที
11. ได้น้ำไรซ์ไซเดอร์ข้าวเหนียวลืมผัว พร้อมบรรจุขวด
วิธีการเก็บรักษา
ควรเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องหรือเก็บไว้ในตู้แช่เย็น
ข้อแนะนำ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น